วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558






อะมานะฮ์ หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิมที่แท้จริง

อะมานะฮ์ คืออะไร ?
อะมานะฮ์ คือ การที่บุคคลหนึ่งต้องประพฤติปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบให้สมบูรณ์และดีที่สุด มีความบริสุทธิ์ใน ซื่อสัตย์ สุจริต รับผิดชอบต่อสิทธิหน้าที่ที่พึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ให้ครบถ้วน
ความสำคัญของอะมานะฮ์
  อิสลามให้ความสำคัญต่อการรักษาสิทธิต่าง ๆ ไว้อย่างครบถ้วน บริบูรณ์ ไม่ว่าสิทธิที่พึงมีต่ออัลเลาะฮ์ ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และต่อภาระงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย  ซึ่งมวลมุสลิมทุกคนจักต้องมีความรู้สึกรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงานนั้นๆ
 อะมานะฮ ในทัศนะของอิสลามนั้น มีความผูกพันกับภาระหน้าที่ ที่เขาจะถูกสอบสวนต่อหน้าพระพักตร์ของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ดังฮาดิษบทหนึ่งที่กล่าวว่า :  พวกท่านทุกคนล้วนเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ และต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตน  ดังนั้น อีหม่าม (ผู้นำ) เป็นผู้ที่มีหน้าที่และถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่ของเขา ชายผู้หนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวของเขา และต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่ของเขา และสตรีนั้น นางมีหน้าที่รับผิดชอบในบ้านของสามี และต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่ของนาง  คนรับใช้มีหน้าที่รับผิดชอบในทรัพย์สินของเจ้านายและต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบ ในทรัพย์สินของเจ้านาย และต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่นั้น และท่านศาสดา (ซ.ล.)  ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า และชายคนหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในทรัพย์สินของบิดาและต้องถูกสอบสวนเกี่ยวกับหน้าที่ของเขา ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายล้วนมีหน้าที่ และพวกเจ้าทั้งหลายล้วนต้องรับผิดชอบ เกี่ยวกับหน้าที่ของตนเอง  (บุคอรี)
อะมานะฮ์กฎบัตรที่มีผลต่อประชาคมโลก
   อันประชาคมพลโลกที่ไร้ซึ่งการไว้วางใจ (อะมานะฮ์) ขาดความรับผิดชอบคือ ประชาชาติที่ไร้กฎระเบียบ และละเลยต่อหน้าที่ มีความเห็นแก่ตัว เพิกเฉยต่อภาระหน้าที่ที่จะช่วยเหลือเกื้อกูล เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นบ่อเกิดแก่ผู้มีอำนาจ กดขี่ข่มเหงต่อผู้ที่ด้อยโอกาส ไร้ความสามารถ ดังมีฮาดิษบทหนึ่งที่บ่งชี้ถึงสิ่งดังกล่าวอันเป็นรหัสหนึ่งแห่งวันสิ้นโลกว่า  :   เล่าจากอบีฮุรอยเราะฮ์(ร.ด.) ว่า : ได้มี ชายคนหนึ่ง ได้ถามท่านศาสดา (ซ.ล.) ว่า เมื่อใดเล่าวันสิ้นโลกจะอุบัติขึ้นท่านศาสดา (ซ.ล.) ตอบว่า :   เมื่ออะมานะฮ์ถูกเพิกเฉย  ท่านจงรอคอยวันนั้นเถิด ชายผู้นั้นได้ถามต่อไปอีกว่า : อย่างไรเล่าที่อะมานะฮ์ถูกละเลยเพิกเฉย    ท่านศาสดา(ซ.ล.) ตอบว่า :  เมื่อเรื่องหนึ่งถูกมอบหมายไปยังผู้ที่ไม่เหมาะสม  ดังนั้นท่านจงรอวันนั้นเถิด   (บุคอรี)
อะมานะฮ์ดุจดั่งของฝากชั่วคราว
   สิ่งของต่างๆ ที่มนุษย์ดูแลนั้น  มันเป็นขอฝากชั่วคราวชั่วขณะหนึ่ง  ต่อมาสิ่งนั้นก็ถูกส่งคืนเจ้าของ  ขณะที่เขาต้องการ สิ่งของชิ้นนี้ คือ อะมานะฮ์ที่จะถูกสอบสวน ดังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยบรมศาสดา (ซ.ล.) ว่า ท่านได้แต่งตั้งอาลี บุตรอบีตอลิบ  เป็นตัวแทนท่านในขณะที่ท่านจะอพยพไปนครมาดีนะฮ์  เพื่อมอบสิ่งของที่ฝากไว้กับท่านคืนแก่พวกมุชรีกีน.

    ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตรมัสอู๊ด  (ร.ด.) ได้เล่าว่า :  การพลีชีพในหนทางของอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.)  จะลบล้างบาปทั้งหมด ยกเว้น อามานะฮฺ  ในวันกียามะฮฺ  บ่าวจะถูกนำมา แล้วมีผู้กล่าวกับเขาว่า  ท่านจงชดใช้อะมานะฮ์ของท่านเถิด  บ่าวคนนั้นก็กล่าวตอบว่า โอ้อัลเลาะฮ์ ฉันจะชดใช้อย่างไรเล่า  ในเมื่อฉันได้จากโลกดุนยามาแล้ว”  มีผู้กล่าวว่า จะนำเขาไปสู่ขุมนรกญะฮันนัม  โดยที่อามานะฮฺ ถูกแปลงรูปให้อยู่ในลักษณะที่เหมือนกับวันที่เขารับฝาก เมื่อเขาเห็นเขาก็รู้จักมัน ต่อมา อิบนูมัสอู๊ด ได้กล่าวว่า :  ละหมาด คือ อะมานะฮ์อาบน้ำละหมาด คือ อะมานะฮ์ทุกสิ่งทุกอย่างถูกนับว่าเป็น อะมานะฮ์ทั้งหมด  อะมานะฮ์ที่หนักยิ่งคือของฝาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น